Mega influencer vs Nano influencer แบรนด์เราควรเลือกแบบไหนดี?

Mega influencer vs Nano influencer แบรนด์เราควรเลือกแบบไหนดี? ปัจจุบัน Influencer ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย แล้ว Influencer แบบไหนถึงจะเหมาะกับแคมเปญการตลาดของแบรนด์เรา วันนี้นำข้อมูลเปรียบเทียบระหว่าง Mega influencer และ Nano influencer มาให้แบรนด์ องค์กร หรือผู้ที่สนใจทำ Influencer Marketing ใช้ประกอบการตัดสินใจกัน

การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของ Mega influencer และ Nano influencer

จำนวน Follower คือ สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง Mega influencer (มากกว่า 1,000,000 คน) กับ Nano influencer (1,000 – 5,000 คน) หากเราทำงานร่วมกับ Mega influencer คอนเทนต์ 1 คอนเทนต์ สามารถไปถึงผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียได้ในวงกว้าง (ยอด Reach และ Impression สูง) ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์กับแคมเปญที่ต้องการสร้าง Brand Awareness (การทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์) หรือ Brand Recall (การทำให้ลูกค้าจำแบรนด์ได้) อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงในวงกว้างอาจทำให้ไม่สามารถเจาะจง Demographic เช่น เพศ อายุ อาชีพ หรือความสนใจ ของผู้ที่เห็นคอนเทนต์ได้มากนัก

ในทางกลับกัน คอนเทนต์ของ Nano influencer จะไปถึงคนเฉพาะกลุ่ม การหาข้อมูลเกี่ยวกับ Nano influencer แต่ละคนดี ๆ จะเป็นโอกาสให้เราสามารถเลือก Target กลุ่มคนที่เป็นลูกค้าเป้าหมายของเราได้ตรงจุด แต่ยอด Reach หรือ Impression จะไม่สูงเท่า Mega influencer อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถสร้าง Brand Awareness ได้ เพียงแต่ว่า เราอาจต้องทำงานร่วมกับ Nano influencer จำนวนมากขึ้นเท่านั้นเอง

แนวทางการสร้างคอนเทนต์

เนื่องจาก Mega influencer มี Follower จำนวนมากและหลากหลาย การสร้างคอนเทนต์จึงมักต้องพยายามให้ Mass เพื่อให้เข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม และอาจมีข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คอนเทนต์ไปผิดใจคนกลุ่มไหนจนเกิดกระแสเชิงลบในภายหลัง

แต่ Nano influencer ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Follower เฉพาะกลุ่มของตัวเองมักทำคอนเทนต์ไปในทิศทางเฉพาะเจาะจงแบบที่แบรนด์ต้องการได้ดี และคอนเทนต์มักออกมาดู Authentic เหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน ทำให้เกิด Impact กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยจากสถิติบน Instagram พบว่า Nano influencer จะให้ Engagement rate สูงเฉลี่ยถึง 4.32% ในขณะที่ Mega influencer มี Engagement rate เฉลี่ยอยู่ที่ 2.72% เท่านั้น

งบประมาณการจ้าง influencer

แน่นอนว่ายิ่ง Influencer คนไหน Follower เยอะ งบประมาณการจ้างยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าเราต้องการจ้าง Influencer ระดับ Mega หรือถึงขั้น Celeb แบรนด์เราอาจต้องมีงบประมาณการตลาดหลักแสนหรือหลักล้านเลยทีเดียว Mega influencer

ในขณะที่การทำแคมเปญร่วมกับ Nano influencer ใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก หากเป็นงานไม่ซับซ้อน เช่น การโพสต์รูปคู่กับสินค้าธรรมดา อาจใช้งบประมาณเพียงหลักร้อยหลักพัน หรือบางครั้งเราสามารถตกลงกับ Influencer ว่า เราจะให้สินค้าหรือให้บริการฟรีแทนค่าจ้างก็ได้เช่นกัน นี่จึงทำให้การทำงานกับ Nano influencer เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์หลากรูปแบบ ตั้งแต่แบรนด์เล็กเปิดใหม่ที่ยังไม่ได้มีงบประมาณด้านการตลาดมาก ไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการ Target ลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นนั่นเอง

สรุป:

Mega influencer

– ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป

– ยอด Reach และ Impression สูง

– เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้าง

– เหมาะกับแคมเปญเพื่อ brand awareness

– อาจมีข้อจำกัดในการสร้างคอนเทนต์

– Engagement rate 2.72%

– ใช้งบประมาณสูง

Nano influencer

– ผู้ติดตาม 1,000 – 5,000 คน

– ยอด Reach และ Impression ไม่สูงนัก

– เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

– หากต้องการ Awareness ต้องทำแคมเปญกับ Influencer หลายคน

– สร้างคอนเทนต์ Target เฉพาะกลุ่มได้ดี

– Engagement rate 4.32%

– เหมาะกับแบรนด์หลายรูปแบบ

นี่คงจะทำให้เราเห็นแล้วว่าการจ้าง Influencer แต่ละกลุ่มมีข้อดีที่แตกต่างกัน การจ้าง Influencer ที่ตรงกับเป้าหมายของธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดจะทำให้แบรนด์ได้ผลประโยชน์สูงสุดจากการทำแคมเปญ Influencer marketing แต่ Influencer ในปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก แล้วแบรนด์ควรจะเลือก Influencer อย่างไรให้ Align กับตัวแบรนด์และ Product ของแบรนด์จริง ๆ